Archive

Archive for November, 2010

11 เหตุผลที่ต้องกวดวิชา

November 30, 2010 1 comment

ท่านผู้อ่านเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเด็กมัธยมไทยถึงใช้เวลาว่างไปในการกวดวิชากันค่อนข้างมาก บางครั้งเมื่อเลิกเรียนตอนบ่ายแล้วก็ต้องรีบไปสยามให้ทันคอร์สกวดวิชา ฟิสิกส์ เสร็จแล้วก็รีบไปเรียนต่อคอร์สคณิตศาสตร์ที่อีกตึกนึงซึ่งห่างออกไปเกือบกิโล ทำเช่นนี้ซ้ำๆเป็นกิจวัตรประจำวัน บางครั้งมากกว่า 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งอันนี้ยังไม่รวมวันเสาร์อาทิตย์ที่บางคนถึงขั้นต้องออกไปเรียนกันตั้งแต่เช้ายันมืดเลยทีเดียว

ทั้งๆที่เด็กหลายๆคน ก็ไม่ได้เรียนย่ำแย่อะไร กลับกัน เด็กหลายๆคนที่กวดวิชากันหนักๆนั้นเป็นกลุ่มท้อปของห้องเสียด้วยซ้ำ และตรงกันข้าม เด็กที่ไม่เอาดีทางด้านการเรียน (ที่หลายคนเรียกว่าเด็กเกเร) ก็แทบจะไม่กวดวิชากันเลย มันเกิดอะไรขึ้นกัน มาลองดูเหตุผลที่ต้องเรียนกวดวิชาที่ผมได้รวบรวมมาจากหลายๆที่นะครับ

1. ไม่ชอบครูผู้สอน
2. เรียนในห้องเรียนไม่รู้เรื่อง
3. เรียนในห้องเรียนไม่ทันเพื่อน
4. เรียนทันเพื่อนอยู่แล้ว แต่กลัวเพื่อนจะแซง
5. เรียนได้ที่ 1 ของโรงเรียนอยู่แล้ว แต่อยากเก่งกว่าที่ 1 ของโรงเรียนอื่น
6. มาตรฐานแต่ละโรงเรียนต่างกัน
6. อยู่บ้านเฉยๆบางทีก็เบื่อ
7. กวดวิชาได้เจอเพื่อนใหม่ๆ
8. ผู้ปกครองให้ไปเรียน
9. มีความเชื่อว่าเรียนเยอะไว้ก่อนได้เปรียบ
10. เรียนตามเพื่อน
11. ต้องการสูตรลัดที่โรงเรียนไม่สอน

จริงๆแล้ว มีเหตุผลมากกว่านี้อีกเยอะนัก แต่ส่วนมากก็จะมุ่งไปในทิศทางเดียวกันคือ เรียนเพราะอยากเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง คณะที่มีชื่อเสียง ที่จำกัดปริมาณของผู้เข้าเรียน ประเภทว่าคนสมัครเป็นหมื่นแต่รับได้ร้อยคน จึงทำให้เกิดการแข่งขันสูงมาก การอยู่เฉยๆ หรือเรียนแค่วันละ 6 ชั่วโมงตามหลักสูตร ย่อมไม่เพียงพอต่อการแข่งขันแน่นอน ยิ่งเพื่อนๆที่เป็นคู่แข่ง เรียนเอาๆ ซึ่งเปรียบได้กับม้าแข่งที่ จ้ำไม่หยุด แล้วเราจะมามัวเป็นม้าแข่งที่จ้ำๆหยุดๆได้อย่างไร

ในบางครั้งการเรียนกวดวิชามาราธอนมากเกินไป แทนที่จะส่งผลดี กลับส่งผลร้ายให้กับตัวผู้เรียนอย่างจัง นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว ส่วนที่สำคัญอย่างนึงคือ มันจะไม่รู้จริง เนื่องจากโครงสร้างสมองของมนุษย์ โดยเฉพาะช่วงอายุ 14-17 ปี มักจะมีสมาธิที่สามารถจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ประมาณไม่เกิน 30 นาที แล้วแต่บุคคล หากมากกว่านั้นแล้ว จะเกิดอาการ สมาธิหลุด เอาดื้อๆได้ ซึ่งไม่ส่งผลดีแน่ๆ อุตส่าห์มาเรียนกวดวิชาเพราะว่าเรียนตามเพื่อนไม่ทัน แต่ดันมาสมาธิหลุดในโรงเรียนกวดวิชาทำให้ตามเพื่อนที่กวดวิชาไม่ทันอีก วิธีแก้ปัญหานี้ไม่ยาก แต่บางครั้งสภาพแวดล้อมก็ไม่เอื้ออำนวยนัก วิธีที่ว่านี้คือ พักเบรค สัก 10-20 นาที เพื่อให้สมองหายล้า และกลับมาพร้อมเรียนต่ออีกรอบนึง วิธีนี้สามารถเอาไปใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่จำกัดเฉพาะกับการเรียนกวดวิชากันนะครับ

เขียนไปเขียนมาชักออกทะเล ขอจบไว้เท่านี้ก่อนล่ะกันครับ

เว็บดาว์นโหลดฟอนต์ (Fonts)

November 10, 2010 1 comment

ลิสเว็บฟอนต์ให้ดาว์นโหลดกันมากมายหลายแบบ ทั้งฟอนต์ไทยฟอนต์เทศ แต่ละอันมีตัวอย่างให้ดูด้วยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ลองเข้าไปดูกันได้ครับ

ฟอนต์ ไทย
http://www.f0nt.com
http://webnaipol.atspace.com/

ฟอนต์ อังกฤษ
http://www.dafont.com
http://www.1001freefonts.com/

ส่วนใหญ่ๆแล้วที่ผมโหลดมาก็จะมี 4 เว็ปนี้ครับ ลองเข้าไปดูกัน ก่อนโหลดลองอ่านข้อตกลงของเจ้าของฟอนต์สักนิดนะครับ ว่าเขาให้เอาไปใช้อะไรได้บ้าง 🙂

ส่วนนี่คือวิธีลงฟอนต์

1. ไปที่ Start > Control panel
2. เลือกโฟลเดอร์ Fonts
3. ก้อปไฟล์ฟอนต์มาลง ส่วนใหญ่ไฟล์ฟอนต์จะนามสกุล ttf
4. เสร็จล่ะ

เคล็ดลับวิธีเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่ง

November 1, 2010 Leave a comment

จะมีวิธีการเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่งอย่างไร มาศึกษาวิธีดูกันนะค่ะ

เคล็ดลับวิธีเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่ง

เป็นที่สงสัยกันว่าเด็กที่เก่งวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนมากได้จากพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่เกิด หรือพรแสวงที่ขยันทุ่มเท คำตอบคือ จำเป็นทั้งสองอย่าง ถึงแม้ว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ ก็ไม่สามารถเรียนคณิตศาสตร์เก่งได้หากขาดพรแสวง เพราะคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องอาศัยชั่วโมงบิน ผ่านการทำโจทย์คณิตศาสตร์มาอย่างโชกโชนถึงจะเรียนเก่งได้ ในทางกลับกัน หากเด็กที่ขยันทุ่มเท แต่ขาดทักษะในการคิดวิเคราะห์ จับสูตรนู้นมาใส่สูตรนี้ ถึงแม้ว่าจะทำโจทย์พื้นฐานได้ แต่ถ้าเจอโจทย์พลิกแพลงก็ไปไม่รอดเหมือนกัน ในวันนี้มีเคล็ดลับวิธีเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่ง มาดูกันครับ

เคล็ดลับเก่งคณิตศาสตร์

1. ไม่มองข้ามนิยามต่างๆ
ถึงแม้ว่าจะอ่านนิยามต่างๆเป็นสิบรอบแล้วก็ยังงงเหมือนเดิม ก็ต้องทำความเข้าใจกับมันอยู่ดี เพราะมันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของคณิตศาสตร์ สูตรทุกสูตรไม่ว่าจะเป็นสูตรมาตรฐานหรือสูตรลัด ต่างคิดขึ้นมาจากนิยามทั้งนั้น หากรู้นิยามแล้ว หากไม่มีสูตรก็สามารถแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ หรือแม้กระทั่งคิดสูตรลัดส่วนตัวขึ้นมาเอง ก็ย่อมได้

2. เข้าใจทฤษฎีบท สูตร หรือสมบัติต่างๆ และพลิกแพลงใช้ให้เป็น
ทฤษฎี บท สูตร หรือสมบัติต่างๆ นั้นคือสิ่งเดียวกัน ซึ่งหมายถึงข้อเท็จจริงที่ต้องมีการพิสูจน์และยอมรับว่าเป็นจริง จึงจะนำมาใช้ได้ ซึ่งต่างจากบทนิยามเพราะบทนิยามเป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นมาให้ยอมรับร่วมกันโดย ไม่ต้องพิสูจน์
หลายคนเรียนคณิตศาสตร์ไม่เข้าใจเพราะเป็นกังวลกับการท่องจำสูตร ซึ่งแท้จริงแล้วการจำสูตรหรือทฤษฎีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักที่ต้องให้ความสำคัญก่อนจะเริ่มจำสูตรคือ จะต้องเข้าใจว่า ทฤษฎีบทนี้ใช้เมื่อใด? และใช้อย่างไร?

3. ท่องจำบ้างในบางโอกาส แต่เอาเฉพาะที่จำเป็น
อย่างน้อยๆก็ต้องจำนิยามหรือสูตรเบื้องต้นต่างๆ โดยควรจำอย่างมีเทคนิคและเป็นระบบ อย่าจำวิธีแก้สมการ เพราะถ้าเจอโจทย์ที่ถามอย่างอื่นมาแล้วจะถึงขั้นไปไม่เป็นเลยทีเดียว

4. ฝึกทำโจทย์บ่อยๆ
การฝึกทำโจทย์บ่อยๆนั้นใช้ได้ในชีวิตจริงและในวิชาเรียนทุกๆวิชา โดยเฉพาะวิชาทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ถ้าหมั่นฝึกฝนบ่อยๆ จะช่วยให้จำน้อยลง เพราะเทคนิคหรือนิยามต่างๆจะถูกฝังเข้าไปในหัวเราแบบอัตโนมัติ แบบที่ไม่ต้องท่องก็จำได้ แล้วการแก้ปัญหาโจทย์มากๆ ยังช่วยให้ความสามารถในการแก้ปัญหาของเราสูงขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่ในเรื่องการเรียน แต่รวมถึงเรื่องทั่วๆไปในชีวิต ที่เราสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้นด้วย

5. เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์
โดยส่วนมากแล้ว แต่ละปัญหาจะมีวิธีแก้หลายวิธี และนักแก้ปัญหาที่ดีจะต้องมีความยืดหยุ่น สามารถมองถึงว่ามีกี่วิธีที่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และดึงวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดมาใช้ จะทำให้เกิดผลสำเร็จสูงสุด

6. ฝึกวินัย
นอนให้ตรงเวลา เข้าเรียนให้ตรงเวลา ทำการบ้านทุกวัน อย่าผลัดวันประกันพรุ่งโดยคิดว่าอ่านวันหลังก็ได้ ทำทีหลังก็ได้ เพราะว่ามันจะทำให้ติดเป็นนิสัย แล้วจนแล้วจนรอดที่ผลัดไว้ก็ไม่ได้ทำสักที หรือไม่ก็มาทำเอาวันสุดท้ายหลายๆงาน ทำให้งง ความรู้ตีกันวุ่น จนสุดท้ายก็เกิดความคิดว่า รู้งี้ทำซะตั้งแต่วันแรกแล้ว

เคล็ดลับวิธีเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่งนี้ หวังว่าจะเป็นบทความที่เป็นประโยชน์กับน้องๆ ให้นำไปใช้กันเพื่อที่จะทำให้เรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้เก่งถึงขั้นลึกซึ้งกัน นะครับ ถ้าหากทำครบทุกข้อแล้ว อย่าเอาแค่เก่งเลย น้องๆสามารถสมัครเป็นตัวแทนไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิกได้ด้วยซ้ำครับ